จะเป็นอย่างไร หากโจไบเดนชนะการเลือกตั้ง?

.

โจ ไบเดน ยังคงมีคะแนนนำ ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ อยู่ถึง 50 ต่อ 43 เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งสหรัฐครั้งที่แล้วทรัมป์ก็แพ้คะแนน Popular Vote แต่สามารถชนะ ในการเลือกจากใน กระบวนการที่เรียกว่า Electoral College หรือ คณะผู้เลือกตั้ง ซึ่งผู้ที่จะได้เป็นประธานาธิบดีต้องได้คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Voter) ของรัฐต่างๆ รวมกันอย่างน้อย 270 เสียง จากจำนวนทั้งสิ้น 538 เสียง นับว่าการเลือตั้งคราวนี้ ยังมีความเข้มข้นสูสีอยู่ไม่น้อย

.

หากโจไบเดนชนะการเลือกตั้ง จะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง


- นโยบาย โดดเดี่ยวตนเองสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ จะถูกโจ ไบเดนเปลี่ยนแปลงโดยให้สหรัฐเข้ามามีอิทธิพลต่อกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศ อีกครั้ง ทำให้ประเทศสหรัฐได้รับความร่วมมือทางเมือง เศรษฐกิจการค้า อีกครั้ง เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโลก


- สงครามการค้าของสหรัฐ และจีน ยังคงความเข้มข้น ในเงื่อนไขการกีดกันและต่อสู้กันทางการค้า แต่ มีแนวโน้มที่จะตกลงกันได้ในเชิงสัญญาทางการค้าระหว่างประเทศได้มากขึ้น


- จะใช้นโยบาย ปิดประเทศ ในสถานการการควบคุมโรคโควิด 19 ซึ่งจะทำให้ให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อน้อย แต่จะเกิดการชะงักงันทางเศรษฐกิจในประเทศอีกครั้ง


- นโยบาย อัดฉีดภาครัฐของสหรัฐ QE จะยังคงใช้ต่อเนื่อง


- ความรุนแรงของ สภาวะ Depression ใน เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีต่อเนื่อง


- ความรุนแรงของการประท้วงเนื่องจากปัญหาการเหยียดผิว จะลดลง

.

ภาพรวมจึงสรุปว่า ถ้า โจ ไบเดน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ความเสี่ยงทางการเมือง การเมืองระหว่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ และการควบคุมสถานการณ์ Covid 19 จะลดลง

.

ดุลอำนาจระหว่างประเทศในระดับโลกจะอยู่ในลักษณะพหุภาคีมากขึ้น สหรัฐกับ สหภาพยุโรป จะมีความใกล้ชิดกันมากขึ้นหลังจากที่ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์มีนโยบายแยกผลปรโยชน์ของอเมริกาออกจากกลุ่มสหภาพยุโรป ล่าสุด มีการสั่งถอนทหารออกจากเยอรมัน จำนวน 12,000 นาย

.

ดุลอำนาจ ระหว่างจีนและสหรัฐ จะเป็นการเจรจา บนโต๊ะ พหุภาคี ระหว่างประเทศมากขึ้นโดยคาดว่าสหรัฐจะกลับ เข้ามามีบทบาทใน UN WTO WHO Apec และ TPP มากขึ้น

ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อราคาทองคำในทางลบและเป็นไปทางบวกกับเศรษฐกิจ โลกซึ่งต่างจากเดิมที่สหรัฐจะเน้นการเจรแบบทวิภาคี และะออกจากกลุ่มพหุภาคีต่างๆไปมากทำให้ การเจรจาระหว่างประเทศเป็นไปด้วยความยากลำบาก

.

แม้ว่าโจ ไบเดนจะชนะ แต่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐอาจสูงขึ้นจากการปิดประเทศเพื่อควบคุมโรค การใช้ QEในการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจะมีต่อเนื่อง และเศรษฐกิจโลกยังต่อเผชิญกับความเสี่ยง จากวิกฤตCovid 19ที่คาดการณ์ได้ว่า อย่างเร็วที่สุดที่จะควบคุมได้ต้องเป็นกลางถึงปลายปีหน้า 2021 ครับซึ่งเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เราใช้คุกกี้เพื่อนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาที่ท่านอาจสนใจ เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น คลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ของเราผ่านทาง "นโยบายคุกกี้" และ "นโยบายความเป็นส่วนตัว"