เรื่องทองคำต้องรู้ ซื้อขายทองคำให้เป็น
.
1.ทองคำเป็นสินทรัพย์มั่นคง : ทองคำมีลักษณะเป็น Safe Heaven Asset หมายความว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย จากความเสี่ยงสำคัญหลายๆ ด้าน ได้แก่ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ค่าเงิน และอีกหลายอย่างจึงเหมาะที่จะใช้เป็นหลักประกันทางการเงิน
.
2.ทองคำขึ้นในช่วงไหน High Season : ช่วงเวลาที่ทำให้ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อราคาทองในทางบวกจะเป็นช่วงปลายปีซึ่งจะมีการเร่งกำลังการผลิตทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องประดับ รวมไปถึงช่วงความต้องการซื้อทองคำจากประเพณีของอินเดียและจีนจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน เทศกาลดิวารี จนถึง ปลายเดือนกุมภาพันธ์ เทศกาลตรุษจีนของทุกปี
.
3. ทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนในขณะที่ตลาดเงิน และตลาดทุนมีความเสี่ยง
ขณะที่ตลาดหุ้น น้ำมัน และเงินสกุลต่างๆ อยู่ในความเสี่ยงเศรษฐกิจ แต่ ทองคำนั้นไม่มีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ เพราะทองคำไม่ใช่ Unit ทางธุรกิจ ที่มีผลกำไรขาดทุนที่เป็นตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของมูลค่า ดังนั้นแม้ว่า ภาวะเศรษฐกิจ และธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงยังไง มูลค่าของทองคำจึงไม่มีความเสี่ยงด้านต้นทุน การตลาดและการเงิน
.
4. ค่ากำเหน็จทองคำจะลดช่วงไหน : ยิ่งทองคำมีมูลค่าสูงขึ้นในระยะช่วงเวลาไม่เกิน 3 - 6 เดือน ต่อเนื่อง และเกิดเกิดการขายทองต่อเนื่องทำให้ตลาดทองคำเกิดการ Over Supply ร้านค้าทองต่างๆ จึงลดค่ากำเหน็จลงเพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อทองคำ มากขึ้นเพื่อให้เกิดสมดุลในตลาดซื้อขาย ลดการพึ่งพาการนำเข้า ส่งออกทองคำที่มีค่าใช้จ่ายสูง
.
5. ทองคำในประเทศไทย : จะมีความความบริสุทธิ์ 96.5% เป็นสูตรทองคำที่ใช้ในงานช่างทอง ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในเมืองไทย ที่มีอุตสาหกรรมเครื่องประดับทองคำขนาดใหญ่รองรับตลาดซื้อขาย อยู่ ส่วนทองคำมาตรฐานสากลที่ใช้ในต่างประเทศ จะมีความบริสุทธิ์ 99.99%
.
6. กฎเหล็ก การเล่นทองคำ : ไม่ควรขายขาดทุน ซื้อถือยาวจนกว่าจะได้กำไร เพราะทองคำเป็น สินทรัพย์ที่เป็น Stable Supply คล้ายกับที่ดิน มีจำนวนจำกัดในระยะยาวจะมีมูลค่ามากกว่าเงินไปเรื่อยๆ เพราะเงินมีการพิมพ์ออกมาเพิ่มตลอดเวลา
.
7. การเข้าสู่ยุค Digitalization : การลงทุนง่ายขึ้น นักลงทุนมีทางเลือกที่หลากหลายทั้ง Financial Product ใหม่ที่ถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี และการสร้างแพลตฟอร์มในการลงทุนแบบดั้งเดิม ล้วนแต่ช่วยเปิดโอกาสให้การลงทุนสะดวกขึ้น ทั้งนี้รวมถึงการตอบสนองความต้องการลงทุนทองคำด้วย การลงทุนทองคำออนไลน์ได้ทลายข้อจำกัดด้านเวลาและสถานที่ในการลงทุนลงด้วย สมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว ซึ่งหมายความว่าจะลงทุนกับตลาดใดในโลกก็ได้ ในเวลาใดก็ได้ เข้าสู่ยุคการลงทุนแบบ Any where Any Time อย่างเต็มตัว