แนวโน้ม GDP ไตรมาส 3 ของประเทศต่างๆ ล้วนอยู่ในจุดที่เริ่มฟื้นตัว โดยประเทศจีนเริ่มฟื้นอย่างชัดเจนโดนไตรมาส 3 ขึ้นมาบวกที่ 4.9% ส่วนประเทศอื่นๆยังรอสรุปตัวเลขอีกครั้ง ซึ่งจะมีผลกระทบในเชิงลบกับทองคำ
.
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ - มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน กับมาตรการอัดฉีดวงเงินราว 1.6 -2.2 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ ล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะผลักดันได้หลังเลือกตั้งสหรัฐ เป็นผลบวกกับทองคำ
.
ผลการเลือกตั้งสหรัฐ แนวโน้มมองว่าถ้าการเลือกตั้งเป็นไปได้ด้วยดี ค่าเงินดอลล่าร์จะกลับมาแข็งเนื่องความเชื่อมมั่นที่ดีขึ้น ส่งผลลบกับทองคำ แต่ในทางกลับกันถ้าไม่เรียบร้อยหรือมีอุปสรรคล่าช้า จะเป็นผลลบกับเศรษฐกิจโลก
.
การระบาดระลอกใหม่ของ โควิด-19 ช่วงฤดูหนาว
สถานการณ์การระบาดรอบใหม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นทั้งยุโรป และทวีปอเมริกา ในช่วงหน้าหนาวซึ่งเป็นช่วงที่สามารถระบาดได้หนักที่สุด มาพร้อมกับข่าวกับหยุดวิจัยวัคซีนระยะสามซึ่งเป็นความหวังสำคัญของ บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นผลบวกกับทองคำ
.
ความตึงเครียดในสงครามการค้า การเมืองระหว่างประเทศ - สถานการณ์ปัจจุบันมีแนวโน้ม เลวร้ายลงมีการโชว์ภาพอาวุธ และการใช้อาวุธสงคราม รุนแรงเช่นอาวุธนิวเคลียร์กันระหว่างคู่ขัดแย้ง กับสหรัฐ อย่างมากมายได้แก่ จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน
.
สถานการณ์ประท้วงของผู้ชุมนุมในประเทศไทย กระทบตลาดหุ้น และค่าเงินบาทโดยตรงทำให้ระยะสั้นมองบาทอ่อน เป็นผลบวกต่อราคาทองในประเทศ หากมีการยืดเยื้อต่อไปอีก
.
แนวโน้มราคา ทางเทคนิคไตรมาส 4
ราคายังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หลังจากมีการปรับฐานจากระดับราคา ที่ 2,075 $/oz โดยระยะสั้น มีแนวต้านรายเดืนอยู่ที่ระดับ 1,930 -1,970 $/oz ตามลำดับ มีจุดเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง หากราคาปรับต่ำกว่าแนวรับที่ 1,895 - 1,886
.
กลยุทธ์การเข้าซื้อขาย ซื้อ เป้าหมาย Take Profit ที่ 1,950 - 1,970 Stop Loss ที่ 1,995 - 1,886